วันหนึ่งในกลางฤดูร้อน ในดินแดนแห่งดอกไม้แสนสวย นานแสนนานมาแล้ว … ท้องฟ้าที่เคยเป็นสีคราม ท้องทุ่งที่เคยเขียวใส บัดนี้เปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองด้วยดงดอก Butter cup …
… ไกลออกไปอีกเล็กน้อย เนินเขาเตี้ยๆหลายลูกถูกปกคลุมด้วยสีแดงของดอกซอร์เรล .. สีสันแห่งฤดูร้อนอันสดใส สลับสล้างทั่วไปทั้งดินแดน
ริมลำธารน้ำใส Iris กอใหญ่หลายต่อหลายกอต่อเนื่องเป็นดงใหญ่ แย้มดอกสีเหลืองสว่างใสนับพัน และเมื่อลมร้อนพัดโชย กลีบบางของ Iris ก็พลิ้วเต้น ราวกับกระโปรงของเหล่าสาวน้อยนักเริงระบำผู้ชำนาญ
ลานหญ้าริมน้ำใกล้ๆกันนั้น เมื่อปลายฤดูร้อนที่แล้ว เทพธิดาแห่งดอกไอริสได้เชื้อเชิญให้บรรดาเทพบุตรและเทพธิดาแห่งดอกไม้มาร้องรำทำเพลง เล่นสนุกกันอย่างเบิกบานใจ … เลยลงไปนิดตามลำธาร เลยหาดกรวดก้อนกลมเล็กไปไม่ไกลนัก ดอก Water Forget-me-not กอใหญ่ผลิดอกเล็กสีฟ้าใสจำนวนมากมาย ดูงามประหนึ่งอัญมณีล้ำค่า
เหนือกอ Water Forget-me-not นั้น มีแมลงปอเดอมัวเซลสีฟ้าเขียว แวววาวราวปีกแมลงทับหนึ่งคู่บินร่อนไปมา … น้ำใส สะท้อนสีฟ้าครามงามจับตา
แต่ .. วันร้อนนี้ ในดินแดนแห่งดอกไม้ไม่เหมือนกับทุกๆวันในฤดูร้อนทั่วไป ด้วยว่าเมื่อหันไปทางไหน ก็ไม่มีใครเห็นริองรอยของเพื่อนๆชาวผึ้งผู้ขยันขันแข็ง ของเหล่าเทพบุตรและเทพธิดาแห่งดอกไม้เลย ..
… จนแม้เจ้าหนุ่มผีเสื้อปีกสีส้ม ผู้ปรกติแล้วจะง่วนอยู่กับการดูดกินน้ำหวานจากดอกไม้นานาพันธุ์ก็ยังแปลก เมื่อสังเกตเห็นว่าคู่แข่งคนสำคัญของตนหายไป
เสียงหึ่งๆของปีกบางใสที่ขยับตีลมรวดเร็วของบรรดาผึ้งทั้งหลาย ที่เป็นเรื่องแสนจะธรรมดาของวันในฤดูร้อนอย่างนี้ วันนี้ไม่มีใครเห็นแม้สักคน
“เอ๊ะ ผึ้งงานคนขยันหายไปไหนกันหมดนะ” … เทพธิดาแห่งดอกบลูเบลล์ ผู้มีน้ำเสียงกังวาลใสราวระฆังแก้วกล่าวกับเทพธิดาแห่งดอกกุหลาบป่าสีชมพูสวย
“นั่นซิจ๊ะบลูเบลล์ จริงด้วย จริงอย่างที่เธอว่า พวกผึ้งหายไปไหนกันหมด” .. เทพธิดาแห่งดอกกุหลาบป่ากล่าวอบ่างวิตกกังวล
“ฉันชักเป็นห่วงแล้วซิ” …
เทพธิดาแห่งดอกแพสซิฟลอรา ผู้อยู่ใกล้ๆกันนั้น ขยับปีกสีม่วงใสบินเข้าใกล้เทพธิดาแห่งดอกบลูเบลล์ และเทพธิดาแห่งดอกกุหลายป่า และเมื่อสังเกตเห็นว่า เทพธิดาแห่งดอกไม้ทั้งสอง ดูเหมือนจะมีเรื่องกังวลใจ เธอจึงภามขึ้นว่า … “เกิดอะไรขึ้นหรือจ๊ะ”
เทพธิดาแห่งดอกบลูเบลล์ จึงกล่าวกับเทพธิดาแห่งดอกแพสซิฟลอรา … “เธอไม่สังเกตหรอกรึว่า วันนี้พวกผึ้งเพื่อนเราหายไปไหนกันหมด .. ในฤดูร้อน โดยเฉพาะในวันที่สดใส และมีดอกไม้ผลิบานมากมายอย่างวันนี้ นอกจากคุณผีเสื้อหลากสี และแมลงอื่นๆอีกเล็กน้อยแล้ว ก็จะเห็นคุณผึ้งก้นลายเหลืองดำนี่แหละ ที่บินไปมาเพื่อกินน้ำหวาน เก็บละอองเกสร และช่วยผสมพันธุ์ดอกไม้ของพวกเรา”
“วันนี้ ฉันคิดถึงเสียงหึ่งๆของพวกผึ้งที่พวกเราหลายคนบ่นรำคาญ .. พวกเขาไปไหนกันนะ”
เทพธิดาแห่งดอกแพสซิฟลอราหันมองสำรวจดูรอบๆตัว เธอขยับปีกสีม่วงคู่น้อยๆบินสูงขึ้นไป กวาดสายตาดูรอบบริเวณ ก็ไม่เห็นมีวี่แววของเพื่อนชาวผึ้งเลยแม้แต่ตัวเดียว
“ตายแล้ว” … เทพธิดาแห่งดอกแพสซิฟลอรากล่าว
“ตายแล้ว หายไปไหนกันหมดนะ”
“ผึ้งอยู่ไหน ผึ้งอยู่ไหนจ๊ะ ผึ้งอยู่ไหน … เอ๊ะ ทำไม เอ๊ะ ทำไมเธอไม่มา …
ฉันมองหา ฉันมองหา เธอไม่มากันสักที … หรือว่าหนีกันไปไหน ไม่สนใจฉันหรือไร” … เสียงใสๆของน้องเล็ก เทพบุตรแห่งดอกโคลพเว่อร์สีขาว ดังประสานกับเสียงนุ่มน่าเอ็นดูของเทพธิดาแห่งดอกบัตเตอร์คัพ ฮัม เพลง “ผึ้งอยู่ไหน” ที่พวกเขาแต่งเองเมื่อครู่
“โคลพเวอร์ บัตเตอร์คัพ … นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆที่หนูทั้งสองจะมาบินร้องเพลงประสานเสียงเล่นเย็นๆใจอย่างนี้นะ” เทพธิดาแห่งดอกบลูเบลล์กล่าวตำหนิน้องเล็กทั้งสอง
“ขอโทษครับ”
“ขอโทษค่ะ” น้องเล็กทั้งสองกล่าวขึ้นพร้อมๆกัน
เทพธิดาแห่งดอกบลูเบลล์เห็นทั้งคู่เสียใจ เธอจึงกล่าวต่อว่า .. ‘เอาละ เอาละ ไม่เป็นไร โถลพเวอร์ และ บัตเตอร์คัพ ไม่เป็นไร ไม่ต้องเสียใจ พี่จะพูดให้ฟัง …”
“.. น้องทั้งสองต้องเข้าใจนะว่า ถ้าไม่มีคุณผึ้งแล้ว ก็จะไม่มีใครมาช่วยผสมเกสรดอกไม้นานพันธุ์ของพวกเรา นั่นก็รวมถึงดอกโคลพเวอร์ และดอกบัตเตอร์คัพของหนูด้วย ทีนี้ดอกไม้ของเราก็จะไม่ติดเมล็ด .. มันเป็นภาระหนักหน่วงเกินกำลังของคุณผีเสื้อและแมลงอื่นๆ ที่จะทำได้เสร็จสมบูรณ์ แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น พวกเราก็แย่แน่เลย ทีนี้รู้แล้วนะ”
เทพธิดาแห่งดอกบัตเตอร์คัพ และเทพบุตรแห่งดอกโคลพเวอร์พยักหน้า แล้วทั้งหมดก็เงียบไป
“เราจะทำยังไงกันดี” เทพธิดาแห่งดอกแพสซิฟลอรา กล่าวทำลายความเงียบขึ้นอย่างกังวลใจ
แล้วน้องเล็กแห่งดอกโคลพเวอร์ ก็ตะโกนเสียงดัง .. “นั่นไงคุณผึ้ง นั่นใงคุณผึ้ง”
“คุณผึ้งจริงๆด้วย” เทพธิดาแห่งดอกบัตเตอร์คัพสีเหลืองทองชี้นิ้วกระจิดหริดของเธอไปที่ผึ้งงานตัวหนึ่ง ที่กำลังบิอยู่ไกลลิบ
ทุกคนมองหน้ากัน แล้วโดยพร้อมเพรียง เทพบุตรและเทพธิดาแห่งดอกไม้ทั้งห้า ก็ขยีบปีดคู้จิ๋วของตน พาร่างบินเหนือดงดอกบัตเตอร์คัพสีทอง และดงดอกซอร์เรลสีแดงกำมะหยี่ ไปในทิศทางที่เทพธิดาแห่งดอกบัตเตอร์คัพชี้เมื่อครู่
“คุณผึ้ง คุณผึ้ง” ทุกคนตะโกนสุดเสียง ขณะที่ต่างก็เร่งกระพือปีกเล็กจิ๋วหลากสีของตนบินตามไป ด้วยความหวังที่จะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนๆของพวกเขา
พวกเขาบินตามทันผึ้งหนุ่ม ก็เมื่อถึงโรงงานผลิตน้ำผึ้งที่วันนั้นแสนจะเงียบเหงา ทั้งๆที่จริงแล้ว น่าจะเป็นวันที่บรรดาผึ้งทั้งหมดจะยุ่งวุ่นวายอยู่กับการลำเลียงและผลิตน้ำผึ้งอันหอมหวาน
“เกิดอะไรขึ้นจ๊ะ คุณผึ้งหนุ่ม … พวกเราเป็นห่วงมากที่พวกเธอหายไป” น้องเล็ก เทพบุตรแห่งดอกแพสซิฟลอรากล่าวถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใยอย่างที่สุด
“จริง จริงนะ พวกเราเป็นห่วงจริงๆ พวกเธอหายไปไหนกันหมด” น้องเล็กเทพบุตรแห่งดอกโคลพเวอร์กล่าวยืนยัน ด้วยตอนนี้เขารู้แล้วถึงความสำคัญของเพื่อนๆชาวผึ้ง
ผึ้งหนุ่มน้อย กล่าวกับทุกคนอย่างเศร้าสร้อยว่า “ราชินีผึ้งของเราถูกลักพาตัว”
“ถูกลักพาตัว .. ราชินีผึ้งถูกลักพาตัว” เทพบุตรและเทพธิดาแห่งดอกไม้อุทานขึ้นพร้อมกันด้วยความตกใจ
“เทพแห่งดอกไม้ผู้น่ารัก ตามฉันมาสิ พวกเรากำลังประชุมกันอยู่ที่ศาลากลางแห่งนครผึ้ง พวกเรากำลังคิดกันว่า จะทำอย่างไรกันดีในขณะนี้ ที่ราชินีของพวกเราถูกลักพาตัวไป” ผึ้งน้อยกล่าวชักชวน
บรรยากาศแห่งความโศกเศร้าและเงียบเหงาปกคลุมไปทั่ว เมื่อคณะของเทพบุตรและเทพธิดาแห่งดอกไม้พากันบินตามผึ้งหนุ่มไปยังนครผึ้ง
คณะมนตรีผึ้งกำลังหารือ แก้ไขปัญหากันอย่างจริงจัง … หัวหน้าคณะมนตรีกล่าวต้อนรับ และเชื้อเชิญบรรดาเทพแห่งดอกไม้สู่ที่ประชุม แล้วเขาก็ลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง
“เมื่อวานนี้ ขณะที่พวกเราทุกคนกำลังง่วนอยู่กับการผลิตน้ำผึ้ง พวกด้วงทหารเกราะดำจำนวนมาก พากันบุกเข้าสู่พระราชฐาน แล้วลักพาตัวองค์ราชินีของพวกเราไป”
หัวหน้าคณะมนตรีหยุดชั่วขณะ ดวงหน้าเขามีแต่ความเศร้าสร้อย แล้วเขาก็พูดต่อว่า .. ‘พวกท่านมากันก็ดีแล้ว เผื่อว่าจะช่วยเหลืออะไรพวกเราได้”
“จะให้พวกเราทำอะไร จะให้พวกเราช่วยอะไร ก็ขอให้ท่านบอกมา” เทพธิดาแห่งดอกแพสซิฟลอรากล่าวอย่างกระตือรือร้น
“พวกเราคิดว่า ขณะนี้นางแม่มดวาเนสซาตัวร้าย คงควบคุมตัวพระนางเอาไว้ ณ หอคอยยอดปราสาทแห่งรัตติกาลของนาง ในอิงเกิ้ลวู้ดเป็นแน่”
“ก่อเรื่อง รังควานความสงยบสุขไม่รู้จบสิ้น” เทพธิดาแห่งดอกกุหลาบกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
“ฉันเกลียดนางเวเนสซาที่สุด”
“หนูก็เหมือนกัน เกลียดที่สุด เกลียดที่สุด” น้องเล็ก เทพธิดาแห่งดอกบัตเตอร์คัพ และเทพบุตรแห่งดอกโคลพเวอร์กล่าวขึ้นพร้อมกัน
และแล้ว … บรรดาเทพแห่งดอกไม้ตัวน้อยๆ ก็ร่วมกันหารือวางแผนช่วยราชินีผึ้งกับเพื่อนๆชาวผึ้งของพวกเขา … มีผู้เสนอแผนการมากมาย แต่ดูเหมือนว่าแผนการของเทพธิดาแห่งดอกแพสซิฟลอราจะเข้าทีที่สุด ที่ประชุมจึงตกลงที่จะใช้แผนการของเธอ
ละครฉากใหญ่กำลังจะเริ่มขึ้นที่ชายป่าอิงเกิ้ลวู้ดที่น่าสะพรึงกลัว …
“ของฉัน น้ำหวานวิเศษนี้เป็นของฉัน ของฉันคนเดียว” สาวน้อยผีเสื้อปีกสีม่วงอมชมพูกล่าวเสียงดัง เพื่อให้แม่มดเวเนสซาได้ยิน
“ของฉันต่างหาก ต้องเป็นของฉัน” ผีเสื้อตัวอื่นกล่าวเสียงดังอื้ออึง และต่างเข้าแย่งชิงน้ำหวานวิเศษนั้น เอะอะ ชุลมุนวุ่นวาย
ดังที่คาดหมายอาไว้ … ไม่นาน แม่มดเวเนสซาก็ปรากฏกายขึ้น พร้อมเหล่าทหารด้วงผู้แกร่งกร้าว …
“อะไรกัน แย่งชิงอะไรกัน” นางแม่มดกล่าวด้วยเสียงแข็งกร้าว เยือกเย็น ชนิดที่ใครได้ยินต้องกลัวทุกคน
“นั่นอะไร” นางชี้ไปที่ภาชนะบรรจุน้ำหวานวิเศษ
ทุกคนรวบรวมความกล้า … แสร้งทำเป็นเงียบ … แล้วหนุ่มผีเสื้อปีกสีส้มผู้กล้าหาญก็พูดขึ้นอย่างตะกุกตะกักเพื่อให้สมจริงว่า …
“น้ำหวายวิเศษ ของเทพธิดาแห่งดอกแพสซิฟลอรา ใครได้ดื่มกินแล้ว จะคงความสวยงามอ่อนวัย ชั่งกาลนาน”
“มีด้วยรึ อย่างนั้นมันต้องเป็นของข้าเท่านั้น” นางแม่มดกล่าว แล้วหัวเราะอย่างน่ากลัว ก่อนที่จะหันไปออกคำสั่งกับพวกด้วงสีดำทะมึน .. “พวกเจ้าไปเอาน้ำหวานวิเศษนั้นมาให้ข้าเดี๋ยวนี้”
พวกด้วงกรูเข้าแย่งชิงน้ำหวานที่ว่าวิเศษนั้น แล้วนำไปให้นางแม่มดวาเนสซาด้วยความเกรงกลัว … นางแม่มดรีบดื่มน้ำเสาวรสอันหอมหวานนั้นเสียทั้งหมด ไม่นาน นางก็เมามายไม่ได้สติ เพราะแท้จริงแล้ว น้ำหวานวิเศษนั้นคือ สุราน้ำเสาวรส ที่ได้จากการหมักบ่มน้ำหวานจากผลของต้นแพสซิฟลอรานั่นเอง
ขณะที่เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้น บรรดาผึ้งทหาร และเทพบุตร เทพธิดาแห่งดอกไม้ที่หลบซ่อนตัวอยู่ชายป่าอิงเกิ้ลวู้ด ก็พากันบุกเข้าไปในปราสาทแห่งรัตติกาล เพื่อช่วยเหลือราชินีผึ้งจนเป็นผลสำเร็จ … มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อยจากกรปะทะกันกับพวก้วงทหารยามที่รักษาการณ์อยู่
ส่วนนางแม่มดวาเนสซาตัวร้ายนั้น เมามายไม่ได้สติ ด้วยความอยากที่จะเยาว์วัยตลอดกาล
เย็นวันนั้นที่นครผึ้ง … มีการเฉลิมฉลองการกลับมาของราชินีผึ้งของพวกเขา บรรดาเทพบุตรและเทพธิดาแห่งดอกไม้ ซึ่งรวมถึงเทพธิดาแห่งดอกแพสซิฟลอราคนสำคัญ ต่างก็มาร่วมแสดงความยินดีด้วยเช่นกัน
เมื่อราชินีผึ้งทราบเรื่องราวทั้งหมด พระนางบัญชาให้ผึ้งองครักษ์เบิกตัวเทพธิดาแห่งดอกแพสซิฟลอราเข้าเฝ้า … ราชินีผึ้งตรัสอย่างแช่มช้ากับเทพธิดาแห่งดอกแพสซิฟลอรา ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ไพเราะว่า …
“ข้า ขอขอบใจท่านที่ช่วยข้าในครั้งนี้ บุญคุณทั้งหมดคงไม่อาจทดแทนได้ ด้วยว่ายิ่งใหญ่นัก”
ขณะมีพระราชดำรัสนั้น พระนางค่อยบรรจงถอดมงกุฎน้อยเหนือเศียร ยื่นประทานให้แก่เทพธิดาแห่งดอกแพสซิฟลอรา แล้วมีพระราชดำรัสต่อ …
“ข้า ขออมอบมงกุฎน้อย เพื่อแสดงความขอบใจอย่างสุดซึ้ง และเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งน้ำใจที่ท่านมีต่อข้า และน้ำใจที่เหล่าเทพบุตรและเทพธิดาแห่งดอกไม้มีต่อเราชาวผึ้ง และข้าก็ปรารถนาที่จะเห็นมิตรภาพนี้ดำรงอยู่ตลอดไป … ขอท่านได้โปรดรับมงกุฎนี้ไว้ด้วยเถิด”
เทพธิดาแห่งดอกแพสซิฟลอรา น้อมรับพระราชทานมงกุฎน้อยนั้นจากพระหัตถ์ของราชินีแห่งนครผึ้ง … และตั้งแต่นั้นมา ระหว่างกลีบดอกและก้านชูเกสรของดอกแพสซิฟลอรา จึงปรากฏมีมงกุฎเล็กๆล้อมประดับอยู่ตราบจนทุกวันนี้
*************************
Passiflora เป็นไม้เลื้อยในวงศ์ PASSIFLORA CEAE พบตามธรรมชาติทั่วไปในเขตร้อนของทวีปอเมริกา ส่วนภาพดอก Passiflora ที่ใช้ประกอบเรื่องถ่ายมาจากที่บ้าน และพุ่มไม้ข้างทางเมื่อฤดูฝนปีที่แล้ว
ดอก Passiflora ที่ดูสวยงาม แต่ลึกลับนั้น ประกอบด้วยกลีบเลี้ยงและกลีบดอกอย่างละ 5 กลีบ บริเวณฐานของก้านชูเกสรต่อจากกลีบดอก ถ้าสังเกตดูจะเห็นมีมงกุฎเล็กๆล้อมเป็นวงรอบ …
… นั่นคือมงกุฎน้อยที่เทพธิดาแห่งดอกแพสซิฟลอรา ได้รับพระราชทานมาจากพระหัตถ์ของราชินีผึ้ง … มงกุฎน้อย ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งน้ำใจ และมิตรภาพที่มีและได้แสดงออกต่อกัน ในครั้งกระโน้น ณ ดินแดนแห่งดอกไม้แสนสวย นานแสนนานมาแล้ว …
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น