วันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ภาพข่าว ธรรมชาติกำลังร้องไห้ด้วยน้ำมือมนุษย์ .. Environmental Watch

ภาพถ่ายทางอากาศเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2010 แสดงให้เห็นถึงไร่ปาล์มน้ำมันที่จังหวัดแจมไบ ประเทศอินโดนีเซีย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงป่าไม้ของอินโดนีเซียกล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า .. อินโดนีเซียอาจจะเสนอขอให้ไร่ปาล์มน้ำมันได้รับเครดิตในการลดคาร์บอน ภายใต้แผนการที่สหประชาชาติส่งเสริม ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการรักษาป่าไม้ อย่างไรก็ตามนักอนุรักษ์ธรรมชาติได้แสดงความเป็นห่วงอย่างต่อเนื่องต่อผู้ผลิตน้ำมันจากปาล์มของอินโดนีเซียว่า พวกเขามีการตัดไม้และรุกคืบเข้าไปในป่าเพื่อขยายการปลูกปาล์มน้ำมันหรือไม่

Fishy Death

A dead puffer fish lies on the seashore of Naic, Cavite, southwest of Manila on August 19, 2010. A recent increase in the temperature of sea waters might have caused fish to swim nearer to the surface for oxygen, according to an agriculturist from the Bureau of Fisheries and Aquatic Resources.

ปลาปักเป้าที่นอนตายอยู่บนฝั่ง naic เมือง Cavite ทางตอนใต้ของกรุงมนิลาเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2010 การที่อุณหภูมิของน้ำทะเลสูงขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อาจจะเป็นเหตุให้ปลาต่างๆต้องว่ายน้ำขึ้นมาใกล้ผิวน้ำเพื่อหายใจเอาออกซิเจน นี่เป็นข้อมูลจากองค์การทรัพยากรปลาและสัตว์น้ำของฟิลิปปินส์

Spot the boy?

A boy swims in the polluted waters of the river Sabarmati to dive for offerings thrown in by worshippers in the western Indian city of Ahmedabad August 20, 2010. In recent years, the religious festivals and customs in India have come under increasing scrutiny as public awareness of environmental issues grows.

เด็กชายคนหนึ่ง (มองเห็นเด็กในภาพไม๊คะ? – ผู้แปล) กำลังว่ายน้ำในแม่น้ำซาบามาติเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2010 เพื่อที่จะดำน้ำเอาเก็บสิ่งของที่ผู้คนนำมาบวงสรวงและสักการะในเมืองอมีดาบัด ทางตะวันตกของประเทศอินเดีย .. ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พิธีกรรมทางศาสนาและประเพณีหลายอย่างในอินเดีย ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์มากมาย เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อม

Peoples before Power

Greenpeace activists protest with a projection on the cooling tower of Emsland nuclear power plant in Lingen, August 26, 2010, to call on German Chancellor Angela Merkel not to cling to the extension of the operation time of nuclear power plants in Germany. The text reads: 'Nuclear power is a wrong way, Mrs Merkel.'

กลุ่มกรีนพีซ ได้ฉายภาพไปที่คูลลิ่งทาวเวอร์ของโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังนิวเคลียร์ในเมือง ลินเจ็น เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2010 เรียกร้องให้ นาง แองจีลา เมอเกล ซึ่งเป็นที่ปรึกษาโครงการนี้ ยกเลิกการขยายเวลาการดำเนินการของโรงงานผลิตไฟฟ้าด้วยพลังนิวเคลียร์ในประเทศเยอรมันนี ข้อความที่ฉายไป มีใจความว่า พลังงานนิวเคลียร์ เป็นวิถีทางที่ผิด นะคุณ เมอเกล

It’s not snow !

Man crosses a bridge over the polluted Tiete river seen filled with foam in Pirapora do Bom Jesus, 40 km northeast Sao Paulo, September 2, 2010. The pollution in the Tiete river from industries has increased due to a lack of rain with August registering the least amount of rain since the year 1943, according to the National Institute of Meteorology.

เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2010 ชายคนหนึ่งกำลังเดินบนสะพานข้ามแม่น้ำ Tiete ซึ่งเต็มไปด้วยฟอง ที่เมือง Pirapora do Bom Jesus ซึ่งตั้งอยู่ราว 40 กิโลเมตรไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของ เซาเปาโล มลภาวะในแม่น้ำแห่งนี้ที่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรมสูงขึ้น เนื่องจากปริมาณของฝนที่ตกน้อยมากในเดือนสิงหาคม และได้รับการบันทึกจากกรมอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติว่า เป็นปริมาณที่น้อยที่สุดตั้งแต่ปี 1943

Déjà vu for Gulf of Mexico

Boats spray water to extinguish a fire on an oil and gas platform operated by Mariner Energy off the Louisiana coast September 2, 2010. The oil and gas platform burst into flames in the Gulf of Mexico on Thursday, but the crew of 13 escaped and there were no signs of an oil spill, the U.S. Coast Guard said.

เรือหลายลำกำลังพ่นสารเพื่อดับไฟที่โหมไหม้แท่นขุดเจาะก๊าซและน้ำมันของ Mariner Energy เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2010 แท่นขุดเจาะแห่งนี้อยู่ที่ชายฝั่งของรัฐหลุยส์อานา เจ้าหน้าที่ยามฝั่งของอเมริกากล่าวว่า แท่นขุดเจาะก๊าซและน้ำมันถูกไฟไหม้ในอ่าวเม๊กซิโกในวันพฤหัสบดี แต่เจ้าหน้าที่ทั้ง 13 คนหนีรอดมาได้ และไม่มีร่องรอยของน้ำมันรั่วไหลแต่อย่างใด

As clean as it gets !

A fisherman washes himself in a severely polluted river located on the outskirts of Beijing August 16, 2010. Almost a quarter of China's surface water remains so polluted that it is unfit even for industrial use, while less than half of total supplies are drinkable, data from the environment watchdog showed in a report last month.

ชาวประมงกำลังล้างเนื้อล้างตัวในแม่น้ำที่เต็มไปด้วยมลภาวะแห่งหนึ่งนอกมหานครปักกิ่งเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2010 มีข้อมูลจากหน่วยงานเฝ้าระวังเรื่องสิ่งแวดล้อมเมื่อเดือนที่แล้วแจ้งว่า มีแม่น้ำเกือบหนึ่งในสี่ที่ผิวน้ำสกปรกมากและไม่เหมาะแม้แต่จะใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ในขณะที่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของอุปทานของน้ำทั้งหมดที่สามารถใช้ดื่มได้

In the heat of the moment !

Women hang out on the shore of the Mediterranean sea during an afternoon visit of the beach in Tel Aviv, August 20, 2010. Israel is experiencing a heat wave this weekend during the high season for tourism.

เหล่าหญิงสาวออกมากลางแจ้งบนชายฝั่งของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ในระหว่างการเยือนชายทะเลในกรุงเทอาวีฟ เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2010 ประเทศอิสราเอลประสบกับคลื่นความร้อนในระหว่างสุดสัปดาห์นี้ ในช่วงไฮซีวันของการท่องเที่ยว

The big clean up !

A worker clears floating garbage washed down by recent torrential rain on the Jinjiang River in Chengdu, Sichuan province August 23, 2010. Southern China is bracing for heavy rain and strong winds from a new tropical storm heading its way, state media said on Monday, the latest in a series of severe weather which has killed nearly 3,000 people so far this year.

คนงานกำลังทำการเก็บขยะที่ลอยน้ำมาจากการที่มีฝนตกใหญ่ในแม่น้ำปักกิ่ง เมืองเช็งดู มณฑลเสฉวน เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2010 สื่อของทางการกล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า ทางภาคใต้ของประเทศจีนมีฝนตกหนักและลมแรงจากพายุเขตร้อนที่มุ่งหน้ามายังทิศทางนี้ และล่าสุดก็เกิดภาวะอากาศที่เลวร้ายที่ได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วเกือบ 3,000 คนในปีนี้

เมื่อโลกร้อน ... มองผ่านภาพโฆษณา

Global Warming .. เมื่อโลกร้อน .. เป็นท็อปปิกที่อินเทรนที่สุดในเวลานี้ ว่ากันว่าไม่ว่าเราจะทำอะไร ล้วนมีผลต่อโลกใบนี้ทั้งสิ้น .. บางสิ่งอาจทำร้ายโลก .. จนสุดจะอดทนอดกลั้น ... และเมื่อนั้นโลกจะเอาคืน
... น้ำแข็งขั้วโลกจะละลาย .. น้ำจะท่วมฟ้า .. ปลาจะกินดาว .. ที่ที่เคยอุดมสมบูรณ์จะกลายเป็นทะเลทรายที่ร้อนระอุ ... เมืองใหญ่หลายเมืองอาจมีสภาพอย่างที่เห็นในรูปด้านล่าง จำได้ไม๊ว่าคือเมืองอะไรบ้าง ?
มาช่วยกันรักษ์โลกใบนี้ของเรานะคะ <3 <3






ลีลาวดี ... ดอกไม้นี้มีลีลา

วันหยุดสบายๆ นำดอกไม้ชื่อ "ลีลาวดี" จากที่บ้านมาให้ดู ...
พรุ่งนี้อย่าพลาดมาชม พิธีที่สำคัญอย่างยิ่งในเทศกาลปีใหม่ลาว คือ "พิธีสรงน้ำพระบาง" กันนะคะ
วันนี้ ขอให้มีความสุขมากๆกับทุกกิจกรรมที่ทำค่ะ
สุภาวัลย์

Secret of Flower ... อารมณ์ดอกไม้

ตำนานทานตะวัน

เมื่อราตรีล่วงลง ออโรล่า เทพีแห่งรุ่งอรุณ ประจงปฏิบัติภารกิจซึ่งนางถือปฏิบัติมาชั่วนาตาปึ

ประตูแห่งรุ่งอรุณซึ่งทำจากเงินบริสุทธิ์ ประดับประดาด้วยทองคำและอัญมณีถูกเบิกขึ้นอีกครั้งหนึ่ง มวลดาราใหญ่น้อยหลีกลี้หนีไป แสงเงินแสงทองเรืองรองจับท้องนภา ทิวากำลังจะมาเยือนอีกครั้งหนึ่ง

สุริยเทพอพอลโลทรงสุพรรณรถเทียมสี่อาชาเสด็จออกทางบูรพาทิศ นำแสงสว่างสู่สวรรค์แลพื้นดิน ตามเส้นทางที่พระองค์เคยเสด็จอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน มิสูงหรือต่ำเกินไปในท้องนภา มิฉะนั้นแล้วสรวงสวรรค์แลโลกมนุษย์อาจไหม้เป็นผงธุลี

ชาวกรีกและโรมันต่างบูชาสุริยเทพอพอลโล เทพแห่งแสงสว่างและความซื่อสัตย์ พระองค์ยังทรงเป็นเทพแห่งดนตรี โอลิมปุส สถานสถิตของทวยเทพถูกขับกล่อมด้วยทำนองไพเราะจากพิณทองคำของพระองค์

สุริยเทพอพอลโลยังทรงเป็นเทพแห่งการพยากรณ์ เทพแห่งการธนู และเทพแห่งการรักษาพยาบาล ทรงสอนให้มนุษย์รู้จักการรักษาโรคภัยไข้เจ็บเป็นครั้งแรก

การเดินทางของพระอาทิตย์บนท้องฟ้า จากตะวันออกสู่ตะวันตก คือการเดินทางประจำวันของสุริยเทพอพอลโลและสุพรรณรถของพระองค์ ส่วนพระธนิษฐา คือเทพีอาร์เทมิส ทรงดูแลการเดินทางของดวงจันทร์ข้ามฟ้ายามราตรี

บทกวีของกรีกโบราณมักจะยกย่องให้พระองค์เป็นเทพซึ่งมีพระวรกายและพระพักตร์งดงามหมดจด เรืองรองดั่งทองคำ ความสง่างามและกอรปด้วยพระปรีชาสามารถขององค์สุริยเทพ ได้ทำให้พระองค์เป็นที่หมายปองของเหล่านางฟ้านางสวรรค์ แม้อิสตรีปุถุชน รวมถึงเหล่านางไม้นางพราย หากได้ชมพระบารมีแล้ว ก็ยากที่จะอดใจไม่ให้แอบรักพระองค์ได้

หนึ่งในผู้ชื่นชมพระบารมีขององค์สุริยเทพ ก็คือพรายน้ำนางหนึ่ง นาม คลีติเอ นางเฝ้าหลงรักพระองค์ยิ่งนัก เมื่อสุพรรณรถขององค์สุริยเทพเคลื่อนไปทางใด นางก็คล้อยหน้าตามไปทางนั้น เพื่อที่นางจะได้เฝ้ามองชายผู้เป็นที่รัก จากรุ่งสางยันพลบค่ำ

ถึงแม้จะรู้ดีว่าความรักของนางนั้นไม่มีทางที่จะสมหวังได้เลย นางพรายน้ำคลีติเอก็ขอมีความสุขอยู่ตรที่นางได้มีโอกาสชื่นชมพระบารมีขององค์สุริยเทพอยู่เช่นนั้น เป็นความสุขที่ไม่มีใครอาจแย่ง หรือแบ่งปันไปจากนางได้

เหตุการณ์ดำเนินไปเช่นนั้นวันแล้ววันเล่า ร่างของนางพรายน้ำคลีติเอก็เริ่มเลือนราง ด้วยหัวใจที่จวนเจียนจะแตกสลาย สุริยเทพมิทรงทราบว่าจะปฏิบัติพระองค์ประการใดดี แต่ด้วยเห็นแก่ความรักที่นางพรายน้ำมีต่อพระองค์ และเพื่อเป็นการรักษาชีวิตของนางเอาไว้ พระองค์จึงทรงเนรมิตให้นางพรายน้ำคลีติเอ กลายเป็นดอกไม้สีเหลืองส้มสวยงาม

ดอกไม้นี้ทุกๆวันจะเฝ้ารอรับเสด็จองค์สุริยเทพในยามรุ่งอรุณ ล้วเฝ้าติดตามพระองค์ไปตลอดวันจนกระทั่งส่งเสด็จ เมื่อพระองค์ดำเนินลับขอบฟ้าในยามอัสดง

ดอกทานตะวันจึงถือกำเนิดขึ้นบนโลกในครั้งนั้นเอง

ทานตะวันเป็นไม้สกุลหนึ่งในวงศ์ Compositae มีชื่อสกุลว่า Helianthus ซึ่งมาจากคำศัพท์ภาษากรีก 2 คำรวมกันคือ คำว่า Helios หมายถึงดวงอาทิตย์ และ anthos แปลว่าดอกไม้

ในประเทศอิตาลี ผู้คนจะเรียกดอกทานตะวันว่า Girasole ซึ่งเป็นคำมาจากภาษาละติน คือ gorare แปลว่า หมุน หรือหัน sole แปลว่า ดวงอาทิตย์

รวมแล้วก็ตรงกับชื่อในภาษาไทยว่า ทานตะวันพอดี

ทานตะวันมีถิ่นกำเนิดกระจายอยู่ทั่วไปในทวีปอเมริกาเหนือ และเชื่อกันว่าเมล็กทานตะวันเมล็ดแรกที่เพาะเลี้ยงในยุโรปถูกนำเข้าจากเปรูหรือเม็กซิโก ในปี ค.. 1562 และสถานที่เพาะเลี้ยงแห่งนั้นก็คือ Royal Gardens ในกรุงแมดริด

ทานตะวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Helianthus annuus มีคุณค่าอย่างมากมาย นอกจากดอกที่สวยงามแล้ว ทานตะวันยังให้เมล็ดซึ่งมีคุณภาพสูง อุดมไปด้วยสารอาหาร เมื่อนำไปสกัด ก็จะให้น้ำมันที่มีคุณภาพดี ใช้ปรุงอาหารได้

เมล็ดของทานตะวันนิยมใช้เป็นอาหารนก โดยเฉพาะสำหรับนกแก้วพันธุ์ต่างๆ

เมล็ดทานตะวันเมื่อนำมาคั่วแล้วโรยเกลือ สามารถใช้บริโภคเป็นอาหารว่าง เหง้าของทานตะวัน Helianthus tuberosus จะนำมาต้ม เผา หรือรับประทานดิบๆก็ได้

สมัยสร้างชาติ ชาวอเมริกันนิยมใช้เหง้าของทานตะวันชนิดนี้เลี้ยงสัตว์ ซึ่งก็ได้ผลดี ในเมืองจีน ชาวจีนนิยมปลูกต้นทานตะวันเหมือนต้นป่าน คือจะนำเส้นใยธรรมชาติที่ได้จากต้นทานตะวันมาปั่น และทอรวมกับเส้นไหม ได้เป็นแพรพรรณสวยงามอีกชนิดหนึ่ง

ในอดีตกาล ณ ดินแดนที่เป็นประเทศเปรูในปัจจุบัน ชนเผ่าอินคาที่นับถือพระอาทิตย์บูชาดอกทานตะวัน เหมือนหนึ่งเป็นตัวแทนสุริยเทพ

ดอกทานตะวันยังมีบทบาทที่สำคัญในธรรมชาติ คือ เป็นแหล่งน้ำหวานอันอุดมแก่ผึ้งและผีเสื้อ และเหล่าแมลงก็จะช่วยผสมเกสร เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ของทานตะวันเป็นการตอบแทนสืบไป

ทานตะวันเป็นไม้ตัดดอกที่สวยงาม ความสดใสในช่วงวันเวลาของฤดูร้อนมักแยกกันไม่ออกจากดอกไม้ที่มีสีสวยชนิดนี้

ดอกทานตะวัน หลังจากตัดจากต้นแล้วจะมีอายุการใช้งานราว 6-10 วัน การตัดดอกมาใช้ควรทำเมื่อกลีบดอกคลี่สมบูรณ์แล้วเท่านั้น หรือหากจะปล่อยให้ดอกแห้งคาต้น ก็จะได้ดอกแห้งที่เต็มไปด้วยเมล็ด ดูแปลกตาเมื่อนำมาใช้ประดับตกแต่ง

การขยายพันธุ์นั้น สำหรับชนิดล้มลุก (annual) ทำได้โดยการเพาะเมล็ด ส่วนชนิดหลายปี (perennial) มักนิยมตัดแบ่งเหง้าใต้ดิน

ทานตะวันเจริญเติบโตได้รวดเร็ว ทั้งยังไม่ต้องดูแลรักษามากนัก สามารถปลูกขึ้นได้ในดินเกือบทุกชนิด แต่ถ้าต้องการให้ได้ผลดี ควรให้ปุ๋ย รดน้ำ และหมั่นพรวนดินอย่างสม่ำเสมอ ทานตะวันก็จะเจริญเติบโต ให้ดอกผลในเร็ววัน

ที่สำคัญคือ ควรปลูกทานตะวันในที่ที่มีแสงแดดส่องถึงตลอดทั้งวัน เพื่อที่นางพรายน้ำคลีติเอ จะได้เฝ้ารับเสด็จสุริยเทพ ตั้งแต่พระองค์เสด็จผ่านประตูแห่งรุ่งอรุณในยามเช้า จนเสด็จลับขอบฟ้าในยามพลบค่ำ

ดั่งที่นางได้ปฏิบัติด้วยความรักอันมั่นคงมาแต่โบราณกาล ด้วย หัวใจที่มีรักแท้นั้น .. มิรู้ลืมเลือน

Source : นิตยสารพลอยแกมเพชร
NOTE : เมื่อคืนโพสบทความเรื่อง ... มหาวิหารตะบินยูพญา หรือ มหาวิหารสัพพัญญู (Thatbyinnyu Phaya)
ติดตามอ่านได้ตาม link oเลยค่ะ http://www.oknation.net/blog/supawan/2010/07/16/entry-2

นิทานดอกไม้ … มงกุฎน้อยของ ดอกแพสซิฟลอรา

วันหนึ่งในกลางฤดูร้อน ในดินแดนแห่งดอกไม้แสนสวย นานแสนนานมาแล้ว ท้องฟ้าที่เคยเป็นสีคราม ท้องทุ่งที่เคยเขียวใส บัดนี้เปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองด้วยดงดอก Butter cup 

ไกลออกไปอีกเล็กน้อย เนินเขาเตี้ยๆหลายลูกถูกปกคลุมด้วยสีแดงของดอกซอร์เรล .. สีสันแห่งฤดูร้อนอันสดใส สลับสล้างทั่วไปทั้งดินแดน

ริมลำธารน้ำใส Iris กอใหญ่หลายต่อหลายกอต่อเนื่องเป็นดงใหญ่ แย้มดอกสีเหลืองสว่างใสนับพัน และเมื่อลมร้อนพัดโชย กลีบบางของ Iris ก็พลิ้วเต้น ราวกับกระโปรงของเหล่าสาวน้อยนักเริงระบำผู้ชำนาญ

ลานหญ้าริมน้ำใกล้ๆกันนั้น เมื่อปลายฤดูร้อนที่แล้ว เทพธิดาแห่งดอกไอริสได้เชื้อเชิญให้บรรดาเทพบุตรและเทพธิดาแห่งดอกไม้มาร้องรำทำเพลง เล่นสนุกกันอย่างเบิกบานใจ เลยลงไปนิดตามลำธาร เลยหาดกรวดก้อนกลมเล็กไปไม่ไกลนัก ดอก Water Forget-me-not กอใหญ่ผลิดอกเล็กสีฟ้าใสจำนวนมากมาย ดูงามประหนึ่งอัญมณีล้ำค่า

เหนือกอ Water Forget-me-not นั้น มีแมลงปอเดอมัวเซลสีฟ้าเขียว แวววาวราวปีกแมลงทับหนึ่งคู่บินร่อนไปมา น้ำใส สะท้อนสีฟ้าครามงามจับตา

แต่ .. วันร้อนนี้ ในดินแดนแห่งดอกไม้ไม่เหมือนกับทุกๆวันในฤดูร้อนทั่วไป ด้วยว่าเมื่อหันไปทางไหน ก็ไม่มีใครเห็นริองรอยของเพื่อนๆชาวผึ้งผู้ขยันขันแข็ง ของเหล่าเทพบุตรและเทพธิดาแห่งดอกไม้เลย ..

จนแม้เจ้าหนุ่มผีเสื้อปีกสีส้ม ผู้ปรกติแล้วจะง่วนอยู่กับการดูดกินน้ำหวานจากดอกไม้นานาพันธุ์ก็ยังแปลก เมื่อสังเกตเห็นว่าคู่แข่งคนสำคัญของตนหายไป

เสียงหึ่งๆของปีกบางใสที่ขยับตีลมรวดเร็วของบรรดาผึ้งทั้งหลาย ที่เป็นเรื่องแสนจะธรรมดาของวันในฤดูร้อนอย่างนี้ วันนี้ไม่มีใครเห็นแม้สักคน

เอ๊ะ ผึ้งงานคนขยันหายไปไหนกันหมดนะ” … เทพธิดาแห่งดอกบลูเบลล์ ผู้มีน้ำเสียงกังวาลใสราวระฆังแก้วกล่าวกับเทพธิดาแห่งดอกกุหลาบป่าสีชมพูสวย

นั่นซิจ๊ะบลูเบลล์ จริงด้วย จริงอย่างที่เธอว่า พวกผึ้งหายไปไหนกันหมด” .. เทพธิดาแห่งดอกกุหลาบป่ากล่าวอบ่างวิตกกังวล

ฉันชักเป็นห่วงแล้วซิ” …

เทพธิดาแห่งดอกแพสซิฟลอรา ผู้อยู่ใกล้ๆกันนั้น ขยับปีกสีม่วงใสบินเข้าใกล้เทพธิดาแห่งดอกบลูเบลล์ และเทพธิดาแห่งดอกกุหลายป่า และเมื่อสังเกตเห็นว่า เทพธิดาแห่งดอกไม้ทั้งสอง ดูเหมือนจะมีเรื่องกังวลใจ เธอจึงภามขึ้นว่า … “เกิดอะไรขึ้นหรือจ๊ะ

เทพธิดาแห่งดอกบลูเบลล์ จึงกล่าวกับเทพธิดาแห่งดอกแพสซิฟลอรา … “เธอไม่สังเกตหรอกรึว่า วันนี้พวกผึ้งเพื่อนเราหายไปไหนกันหมด .. ในฤดูร้อน โดยเฉพาะในวันที่สดใส และมีดอกไม้ผลิบานมากมายอย่างวันนี้ นอกจากคุณผีเสื้อหลากสี และแมลงอื่นๆอีกเล็กน้อยแล้ว ก็จะเห็นคุณผึ้งก้นลายเหลืองดำนี่แหละ ที่บินไปมาเพื่อกินน้ำหวาน เก็บละอองเกสร และช่วยผสมพันธุ์ดอกไม้ของพวกเรา

วันนี้ ฉันคิดถึงเสียงหึ่งๆของพวกผึ้งที่พวกเราหลายคนบ่นรำคาญ .. พวกเขาไปไหนกันนะ

เทพธิดาแห่งดอกแพสซิฟลอราหันมองสำรวจดูรอบๆตัว เธอขยับปีกสีม่วงคู่น้อยๆบินสูงขึ้นไป กวาดสายตาดูรอบบริเวณ ก็ไม่เห็นมีวี่แววของเพื่อนชาวผึ้งเลยแม้แต่ตัวเดียว

ตายแล้ว” … เทพธิดาแห่งดอกแพสซิฟลอรากล่าว

ตายแล้ว หายไปไหนกันหมดนะ

ผึ้งอยู่ไหน ผึ้งอยู่ไหนจ๊ะ ผึ้งอยู่ไหน เอ๊ะ ทำไม เอ๊ะ ทำไมเธอไม่มา

ฉันมองหา ฉันมองหา เธอไม่มากันสักที หรือว่าหนีกันไปไหน ไม่สนใจฉันหรือไร” … เสียงใสๆของน้องเล็ก เทพบุตรแห่งดอกโคลพเว่อร์สีขาว ดังประสานกับเสียงนุ่มน่าเอ็นดูของเทพธิดาแห่งดอกบัตเตอร์คัพ ฮัม เพลง ผึ้งอยู่ไหนที่พวกเขาแต่งเองเมื่อครู่

โคลพเวอร์ บัตเตอร์คัพ นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆที่หนูทั้งสองจะมาบินร้องเพลงประสานเสียงเล่นเย็นๆใจอย่างนี้นะเทพธิดาแห่งดอกบลูเบลล์กล่าวตำหนิน้องเล็กทั้งสอง

ขอโทษครับ

ขอโทษค่ะน้องเล็กทั้งสองกล่าวขึ้นพร้อมๆกัน

เทพธิดาแห่งดอกบลูเบลล์เห็นทั้งคู่เสียใจ เธอจึงกล่าวต่อว่า .. ‘เอาละ เอาละ ไม่เป็นไร โถลพเวอร์ และ บัตเตอร์คัพ ไม่เป็นไร ไม่ต้องเสียใจ พี่จะพูดให้ฟัง …”

“.. น้องทั้งสองต้องเข้าใจนะว่า ถ้าไม่มีคุณผึ้งแล้ว ก็จะไม่มีใครมาช่วยผสมเกสรดอกไม้นานพันธุ์ของพวกเรา นั่นก็รวมถึงดอกโคลพเวอร์ และดอกบัตเตอร์คัพของหนูด้วย ทีนี้ดอกไม้ของเราก็จะไม่ติดเมล็ด .. มันเป็นภาระหนักหน่วงเกินกำลังของคุณผีเสื้อและแมลงอื่นๆ ที่จะทำได้เสร็จสมบูรณ์ แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น พวกเราก็แย่แน่เลย ทีนี้รู้แล้วนะ

เทพธิดาแห่งดอกบัตเตอร์คัพ และเทพบุตรแห่งดอกโคลพเวอร์พยักหน้า แล้วทั้งหมดก็เงียบไป

เราจะทำยังไงกันดีเทพธิดาแห่งดอกแพสซิฟลอรา กล่าวทำลายความเงียบขึ้นอย่างกังวลใจ

แล้วน้องเล็กแห่งดอกโคลพเวอร์ ก็ตะโกนเสียงดัง .. “นั่นไงคุณผึ้ง นั่นใงคุณผึ้ง

คุณผึ้งจริงๆด้วยเทพธิดาแห่งดอกบัตเตอร์คัพสีเหลืองทองชี้นิ้วกระจิดหริดของเธอไปที่ผึ้งงานตัวหนึ่ง ที่กำลังบิอยู่ไกลลิบ

ทุกคนมองหน้ากัน แล้วโดยพร้อมเพรียง เทพบุตรและเทพธิดาแห่งดอกไม้ทั้งห้า ก็ขยีบปีดคู้จิ๋วของตน พาร่างบินเหนือดงดอกบัตเตอร์คัพสีทอง และดงดอกซอร์เรลสีแดงกำมะหยี่ ไปในทิศทางที่เทพธิดาแห่งดอกบัตเตอร์คัพชี้เมื่อครู่

คุณผึ้ง คุณผึ้งทุกคนตะโกนสุดเสียง ขณะที่ต่างก็เร่งกระพือปีกเล็กจิ๋วหลากสีของตนบินตามไป ด้วยความหวังที่จะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนๆของพวกเขา

พวกเขาบินตามทันผึ้งหนุ่ม ก็เมื่อถึงโรงงานผลิตน้ำผึ้งที่วันนั้นแสนจะเงียบเหงา ทั้งๆที่จริงแล้ว น่าจะเป็นวันที่บรรดาผึ้งทั้งหมดจะยุ่งวุ่นวายอยู่กับการลำเลียงและผลิตน้ำผึ้งอันหอมหวาน

เกิดอะไรขึ้นจ๊ะ คุณผึ้งหนุ่มพวกเราเป็นห่วงมากที่พวกเธอหายไปน้องเล็ก เทพบุตรแห่งดอกแพสซิฟลอรากล่าวถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใยอย่างที่สุด

จริง จริงนะ พวกเราเป็นห่วงจริงๆ พวกเธอหายไปไหนกันหมดน้องเล็กเทพบุตรแห่งดอกโคลพเวอร์กล่าวยืนยัน ด้วยตอนนี้เขารู้แล้วถึงความสำคัญของเพื่อนๆชาวผึ้ง

ผึ้งหนุ่มน้อย กล่าวกับทุกคนอย่างเศร้าสร้อยว่า ราชินีผึ้งของเราถูกลักพาตัว

ถูกลักพาตัว .. ราชินีผึ้งถูกลักพาตัวเทพบุตรและเทพธิดาแห่งดอกไม้อุทานขึ้นพร้อมกันด้วยความตกใจ

เทพแห่งดอกไม้ผู้น่ารัก ตามฉันมาสิ พวกเรากำลังประชุมกันอยู่ที่ศาลากลางแห่งนครผึ้ง พวกเรากำลังคิดกันว่า จะทำอย่างไรกันดีในขณะนี้ ที่ราชินีของพวกเราถูกลักพาตัวไปผึ้งน้อยกล่าวชักชวน

บรรยากาศแห่งความโศกเศร้าและเงียบเหงาปกคลุมไปทั่ว เมื่อคณะของเทพบุตรและเทพธิดาแห่งดอกไม้พากันบินตามผึ้งหนุ่มไปยังนครผึ้ง

คณะมนตรีผึ้งกำลังหารือ แก้ไขปัญหากันอย่างจริงจัง หัวหน้าคณะมนตรีกล่าวต้อนรับ และเชื้อเชิญบรรดาเทพแห่งดอกไม้สู่ที่ประชุม แล้วเขาก็ลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง

เมื่อวานนี้ ขณะที่พวกเราทุกคนกำลังง่วนอยู่กับการผลิตน้ำผึ้ง พวกด้วงทหารเกราะดำจำนวนมาก พากันบุกเข้าสู่พระราชฐาน แล้วลักพาตัวองค์ราชินีของพวกเราไป

หัวหน้าคณะมนตรีหยุดชั่วขณะ ดวงหน้าเขามีแต่ความเศร้าสร้อย แล้วเขาก็พูดต่อว่า .. ‘พวกท่านมากันก็ดีแล้ว เผื่อว่าจะช่วยเหลืออะไรพวกเราได้

จะให้พวกเราทำอะไร จะให้พวกเราช่วยอะไร ก็ขอให้ท่านบอกมาเทพธิดาแห่งดอกแพสซิฟลอรากล่าวอย่างกระตือรือร้น

พวกเราคิดว่า ขณะนี้นางแม่มดวาเนสซาตัวร้าย คงควบคุมตัวพระนางเอาไว้ ณ หอคอยยอดปราสาทแห่งรัตติกาลของนาง ในอิงเกิ้ลวู้ดเป็นแน่

ก่อเรื่อง รังควานความสงยบสุขไม่รู้จบสิ้นเทพธิดาแห่งดอกกุหลาบกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

ฉันเกลียดนางเวเนสซาที่สุด

หนูก็เหมือนกัน เกลียดที่สุด เกลียดที่สุดน้องเล็ก เทพธิดาแห่งดอกบัตเตอร์คัพ และเทพบุตรแห่งดอกโคลพเวอร์กล่าวขึ้นพร้อมกัน

และแล้ว บรรดาเทพแห่งดอกไม้ตัวน้อยๆ ก็ร่วมกันหารือวางแผนช่วยราชินีผึ้งกับเพื่อนๆชาวผึ้งของพวกเขา มีผู้เสนอแผนการมากมาย แต่ดูเหมือนว่าแผนการของเทพธิดาแห่งดอกแพสซิฟลอราจะเข้าทีที่สุด ที่ประชุมจึงตกลงที่จะใช้แผนการของเธอ

ละครฉากใหญ่กำลังจะเริ่มขึ้นที่ชายป่าอิงเกิ้ลวู้ดที่น่าสะพรึงกลัว

ของฉัน น้ำหวานวิเศษนี้เป็นของฉัน ของฉันคนเดียวสาวน้อยผีเสื้อปีกสีม่วงอมชมพูกล่าวเสียงดัง เพื่อให้แม่มดเวเนสซาได้ยิน

ของฉันต่างหาก ต้องเป็นของฉันผีเสื้อตัวอื่นกล่าวเสียงดังอื้ออึง และต่างเข้าแย่งชิงน้ำหวานวิเศษนั้น เอะอะ ชุลมุนวุ่นวาย

ดังที่คาดหมายอาไว้ ไม่นาน แม่มดเวเนสซาก็ปรากฏกายขึ้น พร้อมเหล่าทหารด้วงผู้แกร่งกร้าว

อะไรกัน แย่งชิงอะไรกันนางแม่มดกล่าวด้วยเสียงแข็งกร้าว เยือกเย็น ชนิดที่ใครได้ยินต้องกลัวทุกคน

นั่นอะไรนางชี้ไปที่ภาชนะบรรจุน้ำหวานวิเศษ

ทุกคนรวบรวมความกล้า แสร้งทำเป็นเงียบ แล้วหนุ่มผีเสื้อปีกสีส้มผู้กล้าหาญก็พูดขึ้นอย่างตะกุกตะกักเพื่อให้สมจริงว่า

น้ำหวายวิเศษ ของเทพธิดาแห่งดอกแพสซิฟลอรา ใครได้ดื่มกินแล้ว จะคงความสวยงามอ่อนวัย ชั่งกาลนาน

มีด้วยรึ อย่างนั้นมันต้องเป็นของข้าเท่านั้นนางแม่มดกล่าว แล้วหัวเราะอย่างน่ากลัว ก่อนที่จะหันไปออกคำสั่งกับพวกด้วงสีดำทะมึน ..  พวกเจ้าไปเอาน้ำหวานวิเศษนั้นมาให้ข้าเดี๋ยวนี้

พวกด้วงกรูเข้าแย่งชิงน้ำหวานที่ว่าวิเศษนั้น แล้วนำไปให้นางแม่มดวาเนสซาด้วยความเกรงกลัว นางแม่มดรีบดื่มน้ำเสาวรสอันหอมหวานนั้นเสียทั้งหมด ไม่นาน นางก็เมามายไม่ได้สติ เพราะแท้จริงแล้ว น้ำหวานวิเศษนั้นคือ สุราน้ำเสาวรส ที่ได้จากการหมักบ่มน้ำหวานจากผลของต้นแพสซิฟลอรานั่นเอง

ขณะที่เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้น บรรดาผึ้งทหาร และเทพบุตร เทพธิดาแห่งดอกไม้ที่หลบซ่อนตัวอยู่ชายป่าอิงเกิ้ลวู้ด ก็พากันบุกเข้าไปในปราสาทแห่งรัตติกาล เพื่อช่วยเหลือราชินีผึ้งจนเป็นผลสำเร็จ มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อยจากกรปะทะกันกับพวก้วงทหารยามที่รักษาการณ์อยู่

ส่วนนางแม่มดวาเนสซาตัวร้ายนั้น เมามายไม่ได้สติ ด้วยความอยากที่จะเยาว์วัยตลอดกาล

เย็นวันนั้นที่นครผึ้ง มีการเฉลิมฉลองการกลับมาของราชินีผึ้งของพวกเขา บรรดาเทพบุตรและเทพธิดาแห่งดอกไม้ ซึ่งรวมถึงเทพธิดาแห่งดอกแพสซิฟลอราคนสำคัญ ต่างก็มาร่วมแสดงความยินดีด้วยเช่นกัน

เมื่อราชินีผึ้งทราบเรื่องราวทั้งหมด พระนางบัญชาให้ผึ้งองครักษ์เบิกตัวเทพธิดาแห่งดอกแพสซิฟลอราเข้าเฝ้า ราชินีผึ้งตรัสอย่างแช่มช้ากับเทพธิดาแห่งดอกแพสซิฟลอรา ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ไพเราะว่า

ข้า ขอขอบใจท่านที่ช่วยข้าในครั้งนี้ บุญคุณทั้งหมดคงไม่อาจทดแทนได้ ด้วยว่ายิ่งใหญ่นัก

ขณะมีพระราชดำรัสนั้น พระนางค่อยบรรจงถอดมงกุฎน้อยเหนือเศียร ยื่นประทานให้แก่เทพธิดาแห่งดอกแพสซิฟลอรา แล้วมีพระราชดำรัสต่อ

ข้า ขออมอบมงกุฎน้อย เพื่อแสดงความขอบใจอย่างสุดซึ้ง และเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งน้ำใจที่ท่านมีต่อข้า และน้ำใจที่เหล่าเทพบุตรและเทพธิดาแห่งดอกไม้มีต่อเราชาวผึ้ง และข้าก็ปรารถนาที่จะเห็นมิตรภาพนี้ดำรงอยู่ตลอดไป ขอท่านได้โปรดรับมงกุฎนี้ไว้ด้วยเถิด

เทพธิดาแห่งดอกแพสซิฟลอรา น้อมรับพระราชทานมงกุฎน้อยนั้นจากพระหัตถ์ของราชินีแห่งนครผึ้ง และตั้งแต่นั้นมา ระหว่างกลีบดอกและก้านชูเกสรของดอกแพสซิฟลอรา จึงปรากฏมีมงกุฎเล็กๆล้อมประดับอยู่ตราบจนทุกวันนี้

*************************


Passiflora เป็นไม้เลื้อยในวงศ์ PASSIFLORA CEAE พบตามธรรมชาติทั่วไปในเขตร้อนของทวีปอเมริกา ส่วนภาพดอก Passiflora ที่ใช้ประกอบเรื่องถ่ายมาจากที่บ้าน และพุ่มไม้ข้างทางเมื่อฤดูฝนปีที่แล้ว

ดอก Passiflora ที่ดูสวยงาม แต่ลึกลับนั้น ประกอบด้วยกลีบเลี้ยงและกลีบดอกอย่างละ 5 กลีบ บริเวณฐานของก้านชูเกสรต่อจากกลีบดอก ถ้าสังเกตดูจะเห็นมีมงกุฎเล็กๆล้อมเป็นวงรอบ

นั่นคือมงกุฎน้อยที่เทพธิดาแห่งดอกแพสซิฟลอรา ได้รับพระราชทานมาจากพระหัตถ์ของราชินีผึ้ง มงกุฎน้อย ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งน้ำใจ และมิตรภาพที่มีและได้แสดงออกต่อกัน ในครั้งกระโน้น ณ ดินแดนแห่งดอกไม้แสนสวย นานแสนนานมาแล้ว